การดูแลคนป่วย เป็นสิ่งที่ต้องใช้พลังไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางใจ ซึ่งผู้ป่วยหลายๆ คน เป็นผู้ป่วยด้วยโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือการดูแลประคับประคอง หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษ supportive care ซึ่งสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับ supportive care มีดังต่อไปนี้ 

การดูแลประคับประคองต้องดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายเท่านั้นหรือไม่  

สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนไม่เคยรู้มาก่อน และอาจเป็นความเข้าใจผิดก็คือ มักเข้าใจไปว่าการดูแลประคับประคองนั้น จำกัดอยู่ที่การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ในความเป็นจริงแล้วการรักษาในรูปแบบของการประคับประคองนั้น สามารถดูแลได้ตั้งแต่ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคแต่แรกเริ่ม ไปจนถึงตอนใกล้เสียชีวิต อาจจะกล่าวได้ว่า นี่ก็คือการดูแลแบบองค์รวมตั้งแต่ต้นจนจบ เวลาที่ได้ยินคำว่าการดูแลประคับประคอง คนส่วนมากก็มักจะคิดว่าเป็นผู้ป่วยที่หมดความหวังหรือว่ารอความตายแค่เพียงอย่างเดียว เป็นคนป่วยที่ใกล้จะเสียชีวิต อีกทั้งยังไม่สามารถรับการดูแลได้ ทั้งที่ในความจริงก็คือ  ทุกระยะของโรคต่างๆ นั้น คนป่วยสามารถได้รับการบรรเทาและการช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ อาจจะไม่ได้กำจัดตัวโรคให้จบสิ้นไป แต่การดูแลประคับประคอง ก็จะช่วยให้ผู้ป่วยนั้นมีคุณภาพชีวิตดีกว่าเดิม มีสุขภาพจิตแจ่มใสกว่าเดิม ลดอาการของโรคที่ทรมาน ซึ่งเชื่อได้เลยว่าคนที่ดูแลคนป่วยหลายๆ คนนั้นก็ดำเนินการดูแลแบบนี้อยู่โดยไม่รู้ว่านี่คือการดูแลประคับประคอง 

ดูแลประคับประคอง ควรเริ่มเมื่อใด 

สำหรับการดูแลประคับประคองนั้น เริ่มได้ตั้งแต่คนป่วยได้รับการวินิจฉัยโรค หรือบางครั้งก็เป็นช่วงที่ผู้ป่วยและครอบครัวพร้อมเข้ารับการรักษาแบบประคับประคอง และเมื่อโรคได้เข้าไปที่ระยะลุกลามหรืออาการมากกว่าเดิม การรักษาแบบประคับประคองก็จะมีบทบาทมากกว่าเดิม แม้ว่าคนป่วยจะจากไปด้วยการรักษาแบบนี้ก็ตาม ทว่าความรู้สึกเศร้าและเสียใจของสมาชิกในครอบครัวจะไม่มากเท่ากับการรักษาแบบเดิม เพราะสมาชิกในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดรู้ว่าคนป่วยได้รับความสุขในบั้นปลายของชีวิตแล้วนั่นเอง  นอกจากนี้สิ่งที่คนทั่วไปยังไม่รู้ก็คือ แพทย์และพยาบาล รวมไปถึงทีมการรักษาจะมีการดูแลประคับประคองครอบครัวคนป่วยเพิ่มเติม เมื่อคนป่วยเสียชีวิตไปแล้วอีกด้วย ถือว่าเป็นสิ่งที่กระทบกระเทือนใจอย่างมากเลยทีเดียว 

การดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองหรือ supportive care ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะว่าจะทำให้คนป่วยมีสุขภาพจิตดีกว่าเดิม และยังทำให้คนที่ดูแลคนป่วยสุขภาพจิตดีกว่าเดิมอีกด้วยเช่นกัน เหมาะสมกับการดูแลคนป่วยในทุกๆ ด้านเลยก็ว่าได้